หากจะถามกันว่ามีผีหรือไม่ ถ้ายึดเอาตามความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์แล้ว จะต้องบอกว่า มี หากมีอยู่แต่ในใจของแต่ละคนเท่านั้น
คณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยคอลเลจ ที่กรุงลอนดอน ได้พบในการศึกษาเรื่องนี้ว่า เมื่อคนเราตกอยู่ ในบริเวณที่ไม่ค่อยจะมีแสงสว่างนัก สมองอาจถูกหลอกให้เห็นโน่นเห็นนี่ ซึ่งไม่ได้มีอยู่จริงได้ “สิ่งแวดล้อมในที่เราอยู่นับว่าสำคัญมาก บางทีมันอาจจะข่มหลักฐานตามที่ตาเราเห็นไปได้ และอาจจะทำให้เราทึกทักว่าเราเห็นมัน”
หนังสือพิมพ์รายวัน “เดอะ เดลี่ เทเลกราฟ” ฉบับใหญ่ของอังกฤษ รายงานข่าวต่อไปว่า ศาสตราจารย์ หลี่ เจาปิง หัวหน้านักวิจัย บอกให้รู้ว่า พวกนักมายากลได้ล่วงรู้ถึงปรากฏการณ์ อันนี้มาหลายปีแล้ว เมื่อเขาโยนลูกบอลขึ้นไปในอากาศ ตามด้วยลูกที่ 2 และ 3 ครั้นแล้วลูกที่สามจะเกิดหายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่อันที่จริงแล้ว บางทีลูกที่ 3 ไม่มีจริงเลย หากแต่ สมองของเราถูกสิ่งแวดล้อมหลอกเอา กลับบอกตัว เราว่าให้เรานึกว่าเห็นเขาโยนลูกทีละลูก รวมเป็น 3 ลูกจริง
อย่างไรก็ตาม ผีในทัศนะของนักวิทยาศาสตร์ไทยเช่น ศ.ดร.นพ.เทพพนม เมืองแมน กล่าวว่า ผีมีจริงและแพ้คลื่นโทรศัพท์มือถือ โดยกล่าวอ้างถึงการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษว่าผีเป็นพลังงานในลักษณะที่คล้ายพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปัจจุบันนี้การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นไปอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทำให้ผีซึ่งเป็นพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นสั้นปรากฏตัวน้อยลง เพราะไหลไปรวมในบริเวณที่ ๆ มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าน้อย สอดคล้องกับความเห็นของนักวิทยาศาสตร์ไทยอีกคน คือ รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล ว่า ผีเป็นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่ง แต่การที่ใช้โทรศัพท์มากขึ้นนั้นไม่ถือว่าเป็นการไล่ผี แต่เป็นการถ่ายเทคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปยังอีกจุดหนึ่งมากกว่า และในทางกลับกันการใช้มือถือซึ่งมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาก อาจทำให้เห็นภาพต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งไม่คิดว่า เป็นผีเพราะมนุษย์มีความรู้ในการพิจารณา การถ่ายภาพหรือวิดีโอแล้วมีภาพหรือเงาที่อธิบายไม่ได้ปรากฏนั้น ในอนาคตก็จะเห็นมากขึ้น เพราะวิทยาการล้ำหน้า เครื่องถ่ายภาพสามารถจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้มา
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ชื่อ โดนัลด์ จี คาร์เพนเตอร์ (Dr. Donald G. Carpenter) ศึกษาสิ่งที่เรียกว่าผีจากรายงานทั่วโลกและได้ข้อสรุปทางฟิสิกส์ต่าง ๆ ดังนี้
นิยามของคำว่าผี
1. ผีอยู่ภายใต้กฏของฟิสิกส์
2. ผีไม่ใช่เรื่องมายากล ไม่ใช่ปาฎิหาริย์ และไม่ใช้เรื่องนอกเหนือกฎธรรมชาติข้อใด ๆ ทั้งสิ้น
3. ในการปรากฏกายของผีโดยเฉลี่ยแล้ว "ร่าง" ของผีจะกินเนื้อที่เป็นปริมาณ ประมาณ 0.07 ลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นปริมาตรเฉลี่ยเท่ากับคนธรรมดาที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 70 กิโลกรัม